บทที่ 4 การสร้างตารางและการจัดรูปแบบใหม่

บทที่ 4 
การสร้างและการจัดรูปแบบตารางข้อมูลสร้างตาราง Excel ในเวิร์กชีต
สิ่งสำคัญ บทความนี้เป็นการแปลด้วยเครื่อง โปรดดู ข้อจำกัดความรับผิดชอบ โปรดดูบทความฉบัภาษาอังกฤษ ที่นี่ เพื่อใช้อ้างอิง เมื่อคุณสร้างตารางใน Excel เวิร์กชีต ไม่เพียงแค่คุณสามารถจัดการและวิเคราะห์ข้อมูลได้ง่ายขึ้นเท่านั้น แต่คุณยังจะได้รับการกรอง การเรียงลำดับ และการแรเงาแถวที่มีอยู่แล้วภายในด้วย

หมายเหตุ ไม่ควรสับสนตาราง Excel กับตารางข้อมูล ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของชุดคำสั่งการวิเคราะห์แบบ What-if (เครื่องมือข้อมูลบนแท็บ ข้อมูล)
เมื่อต้องการสร้างตารางโดยใช้สไตล์ตารางเริ่มต้น ให้ทำดังนี้
เลือกช่วงของเซลล์ที่คุณต้องการรวมไว้ในตาราง เซลล์จะเป็นเซลล์ว่างหรือมีข้อมูลก็ได้
คลิก แทรก > ตาราง





แป้นพิมพ์ลัดคุณยังสามารถกด Ctrl + T หรือ Ctrl + L


ถ้าแถวบนสุดของช่วงที่เลือกมีข้อมูลที่คุณต้องการใช้เป็นส่วนหัวของตาราง ให้เลือกกล่อง ตารางของฉันมีส่วนหัวของตาราง





ถ้าคุณไม่เลือกกล่อง ตารางของฉันมีส่วนหัวของตาราง ส่วนหัวของตารางที่มีชื่อเริ่มต้น เช่น คอลัมน์1 และคอลัมน์2 จะถูกเพิ่มลงในตารางของคุณเหนือข้อมูล คุณสามารถเปลี่ยนชื่อส่วนหัวเริ่มต้นได้ตลอดเวลา
สร้างตารางในสไตล์ที่คุณต้องการ


เลือกช่วงของเซลล์ที่คุณต้องการรวมไว้ในตาราง


บนแท็บ หน้าแรก ให้คลิก สไตล์ > จัดรูปแบบเป็นตาราง





เมื่อคุณใช้ จัดรูปแบบเป็นตาราง แล้ว Excel จะแทรกตารางให้โดยอัตโนมัติ


ภายใต้ อ่อนปานกลาง หรือ เข้ม ให้คลิกสไตล์ตารางที่คุณต้องการใช้ ถ้าช่วงที่เลือกมีข้อมูลที่คุณต้องการใช้เป็นส่วนหัวของตาราง ให้คลิกสไตล์ตารางที่มีแถวส่วนหัว


คุณสามารถสร้างสไตล์ตารางของคุณเองเพื่อใช้ในเวิร์กบุ๊กปัจจุบันได้ หลังจากที่คุณสร้างสไตล์ตารางแบบกำหนดเอง สไตล์นั้นจะพร้อมใช้งานสำหรับเวิร์กบุ๊กปัจจุบันเมื่อคุณใช้ จัดรูปแบบเป็นตาราง ภายใต้ กำหนดเอง
ขั้นตอนต่อไป


หลังจากคุณสร้างตาราง เครื่องมือตาราง จะพร้อมให้ใช้งาน และคุณจะเห็นแท็บ ออกแบบ คุณสามารถใช้เครื่องมือบนแท็บออกแบบ เพื่อกำหนดตารางเองหรือแก้ไขตารางได้ โปรดสังเกตว่าแท็บ ออกแบบ จะมองเห็นได้ก็ต่อเมื่อมีการเลือกเซลล์อย่างน้อยหนึ่งเซลล์ในตารางเท่านั้น


หลังจากที่คุณสร้างตารางแล้ว คุณจะเห็นปุ่ม การวิเคราะห์อย่างรวดเร็ว ถัดจากตาราง คลิกที่ปุ่มนี้เพื่อดูเครื่องมือที่สามารถช่วยให้คุณวิเคราะห์ข้อมูลตารางของคุณ เช่น การจัดรูปแบบตามเงื่อนไข เส้นแบบประกายไฟ แผนภูมิ หรือสูตรได้


เมื่อต้องการเพิ่มแถว ให้เลือกเซลล์สุดท้ายในแถวสุดท้ายของตาราง แล้วกด Tab


ในตัวอย่างที่แสดงในที่นี้ การกด Tab ที่มีการเลือกเซลล์ C4 จะขยายตารางไปยังแถวที่ห้า และย้ายสิ่งที่เลือกไปยังคอลัมน์แรกในแถวใหม่ ซึ่งก็คือ เซลล์ A5



เพิ่มเติมเกี่ยวกับตาราง


กรองข้อมูลในตาราง Excel


ใช้การอ้างอิงที่มีแบบแผนในสูตรตาราง Excel


แปลงตารางเป็นช่วง


ลบตาราง Excel ในเวิร์กชีต






























หมายเหตุ ข้อจำกัดความรับผิดชอบของการแปลด้วยเครื่อง: บทความนี้มีการแปลด้วยระบบคอมพิวเตอร์โดยไม่มีการดำเนินการโดยบุคคล Microsoft จัดให้มีการแปลด้วยเครื่องนี้เพื่อช่วยให้ผู้ใช้ที่ไม่ได้พูดภาษาอังกฤษสามารถใช้ประโยชน์จากเนื้อหาเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ บริการและเทคโนโลยีของ Microsoft เนื่องจากบทความมีการแปลด้วยเครื่อง อาจมีข้อผิดพลาดด้านคำศัพท์ ไวยากรณ์หรือรูปประโยค



การจัดรูปแบบตารางด้วยสไตล์


ในบางครั้ง สีหรือลักษณะของตารางของคุณอาจไม่ได้เป็นไปตามที่คุณต้องการ Excel มีสไตล์ตารางที่กำหนดไว้ล่วงหน้าแบบต่างๆ ที่คุณสามารถเลือกได้ และคุณสามารถแสดงตัวอย่างสไตล์เหล่านี้ก่อนที่จะเลือกแบบที่คุณต้องการได้ นอกจากนี้ คุณยังสามารถสร้างสไตล์ตารางแบบกำหนดเองได้อีกด้วย






























คลิกที่ใดก็ได้ในตารางเพื่อแสดง เครื่องมือตาราง





บนแท็บ ออกแบบ เลือกปุ่ม เพิ่มเติม ที่ด้านล่างขวาของ สไตล์ตาราง แกลเลอรี





ชี้ไปที่รูปภาพของสไตล์ตารางต่างๆ เพื่อดูว่าตารางของคุณจะมีลักษณะเป็นแบบใด เมื่อพบลักษณะที่คุณชอบแล้ว ให้คลิกที่ลักษณะดังกล่าวเพื่อนำการจัดรูปแบบไปใช้
สร้างสไตล์ตารางของคุณเอง


ถ้าคุณไม่พบสไตล์ที่คุณชอบ ให้เลือก สไตล์ตารางใหม่ และเลือกองค์ประกอบของตารางและการจัดรูปแบบที่คุณต้องการสร้างสไตล์ตารางใหม่ ซึ่งจะเพิ่มลงในแกลเลอรี สไตล์ตาราง





เมื่อคุณสร้างสไตล์ตารางใหม่ คุณสามารถจัดรูปแบบองค์ประกอบทั้งหมดของตารางได้ เช่น แถวส่วนหัว แถวคู่ (แถวแถบสีที่สอง) และแถวผลรวม ได้โดยการเปลี่ยนสีพื้นหลัง (สีเติม) สีฟอนต์ น้ำหนักฟอนต์ (เช่น ตัวหนา) และตั้งค่าเส้นตาราง


หลังจากที่คุณบันทึกสไตล์ใหม่แล้ว ให้นำไปใช้กับตารางของคุณ สไตล์ตารางแบบกำหนดเองของคุณจะไม่พร้อมใช้งานเมื่อคุณสร้างเวิร์กบุ๊กใหม่ แต่คุณสามารถคัดลอกตารางของคุณไปยังเวิร์กบุ๊กหรือเทมเพลตอื่นได้ และสไตล์แบบกำหนดเองก็จะไปด้วย






การปรับขนาดของตาราง






เพื่อทำให้ตำแหน่งอ้างอิงที่กำหนดไว้ในสูตรปรับตำแหน่งตามอย่างถูกต้องเสมอ เมื่อใดที่ต้องการปรับขนาดขอบเขตพื้นที่ตาราง ให้ใช้วิธี Insert หรือ Delete แนว Row หรือ Column เพื่อแทรกเพิ่มหรือลดพื้นที่ภายในทิ้ง โดยกำหนดให้มีผลเฉพาะทั้งแถวหรือเฉพาะพื้นที่ในตารางนั้นก็ได้




ตัวอย่างการขยายขนาดตาราง




สมมติว่าต้องการขยายขนาดตารางให้เพิ่มอีก 2 Row ให้เริ่มจากเลือกพื้นที่ตารางตั้งแต่ Row สุดท้ายออกไปตามจำนวน Row ที่ต้องการ จากนั้นคลิกขวาสั่ง Insert > Shift cells down








ตัวอย่างการลดขนาดตาราง




สมมติว่าต้องการลดขนาดตารางให้มีจำนวน Row ลดลง 2 Row ให้เริ่มจากเลือก Row ภายในพื้นที่ตารางตามจำนวน Row ที่ต้องการ จากนั้นคลิกขวาสั่ง Delete > Shift cells up











หมายเหตุ
หากในชีทมีตารางข้อมูลเพียงตารางเดียว ให้ใช้วิธีเลือกทั้งแนว Row หรือ Column โดยไม่จำเป็นต้องเลือกเฉพาะภายในพื้นที่ตาราง จากนั้นให้สั่ง Insert หรือ Delete ทั้งแนว Row หรือ Column ได้เลย
การลดขนาดตาราง สามารถเลือกลบพื้นที่รวมทั้งแนว Row สุดท้ายหรือ Column ขวาสุดของขอบเขตตารางก็ได้ (แต่ไม่แนะนำเพราะเป็นวิธีต่างจากการขยายตาราง)


ข้อควรระวังในการ Move เซลล์ขอบเขตพื้นที่ตาราง
หาก move เซลล์ขอบตาราง (ไม่ว่าจะเป็นด้านขวาสุดหรือด้านล่างสุด) โดยใช้คำสั่ง Cut-Paste หรือใช้ Mouse ลากเซลล์ออกไปในแนวเดิม จะทำให้ตำแหน่งเซลล์ที่อ้างไว้ในสูตรปรับตำแหน่งอ้างอิงตาม แต่ถ้า move เซลล์กลับมาที่เดิม ตำแหน่งอ้างอิงในสูตรจะไม่ย้ายกลับมาที่เดิม แต่จะมีตำแหน่งเกินไป 1 เซลล์
หาก move เซลล์ขอบตารางออกไปนอกแนวเดิม จะไม่ทำให้ตำแหน่งเซลล์ที่อ้างไว้ในสูตรย้ายตาม


ตัวอย่าง




สมมติว่าจากตารางคำนวณสูตรคูณซึ่งอยู่ในเซลล์ B2:F5 นั้น เราได้สร้างสูตรหายอดรวมตัวเลขบนหัวตารางด้านบนไว้ที่เซลล์ D9 โดยใช้สูตร =SUM(C2:F2) และหายอดรวมตัวเลขจากหัวตารางด้านซ้ายไว้ที่เซลล์ D10 โดยใช้สูตร =SUM(B3:B5) ส่วนเซลล์ D11 หายอดรวมของผลคูณไว้โดยใช้สูตร =SUM(C3:F5) (โปรดสังเกตเฉพาะตำแหน่งอ้างอิงในสูตร โดยไม่ต้องสนใจตัวเลขผลลัพธ์)








เมื่อย้ายเซลล์ B5:F5 ซึ่งเป็นขอบตารางด้านล่างออกไปวางไว้ที่ Row 7 ในแนว Column เดิมส่วนขอบตารางด้านขวาจากเซลล์ F2:F4 ให้ย้ายไปวางไว้ที่เซลล์ H3:H5 นอกแนวเดิม จะพบว่าการย้ายขอบตารางด้านล่างตามแนวเดิม ทำให้ตำแหน่งอ้างอิงในสูตรที่อยู่ในเซลล์ D10 และ D11 เปลี่ยนตำแหน่งตามได้อย่างถูกต้อง ส่วนการย้ายขอบตารางด้านขวาออกไปนอกแนว ไม่ได้ส่งผลทำให้สูตรหายอดรวมตัวเลขจากหัวตารางด้านบนในเซลล์ D9 เปลี่ยนไปแต่อย่างใด








แต่เมื่อย้ายเซลล์กลับมาตำแหน่งเดิม พบว่าตำแหน่งอ้างอิงในเซลล์ D10 และ D11 ไม่ยอมย้ายกลับมาที่เดิม แต่จะเกินไป 1 เซลล์ (ตารางเดิมมีขอบเขตด้านล่างถึง Row 5 แต่ตำแหน่งอ้างอิงเมื่อย้ายกลับจะมีขอบเขตถึง Row 6) ส่วนสูตรในเซลล์ D9 แสดงถูกต้องตามเดิม








ดังนั้นแทนที่จะใช้วิธี Move เซลล์ขอบตารางไปที่อื่นเพื่อปรับขนาดตารางพื้นที่เดิมที่กำหนดไว้ในสูตร ขอแนะนำให้ใช้วิธี Insert หรือ Delete กับ Row หรือ Column ซึ่งจะช่วยให้ตำแหน่งอ้างอิงในสูตรปรับตามการขยายหรือลดขนาดได้ถูกต้องตามต้องการเสมอ